รูปเก่า เล่าใหม่...

335 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพแห่งความทรงจำ

สวัสดีคะเพื่อนๆ
วันนี้บีไปค้นเจอรูปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วในอัลบั้มรูปภาพมาคะ ^^
จากห้องเล็กๆ...จนมีทุกวันนี้
(ตอนเขียนไป ก็น้ำตาซึมๆไป เพราะคิดถึงป่าป้า จังเลย)
 
1. เมื่อก่อนบีก็ไม่เข้าใจ ทำไมป่าป้าชอบอัดรูปแล้วกองไว้เยอะๆ ไม่เซฟรูปใส่มือถือหรือ Upload ในโซเชียลจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน และไม่หายด้วย
.
2. เมื่อก่อนบีไม่เข้าใจว่าทำไมป่าป้าต้องให้ลูกๆ ฝึกทำงานตั้งแต่เด็กๆ เราก็อยากมีชีวิตเที่ยวเล่น สนุกสนานเหมือนเด็กคนอื่นบ้าง วันๆ ให้อยู่แต่ในโรงพิมพ์แล้วช่วยงานที่บ้าน และเรียนรู้งานต่างๆ อยู่สม่ำเสมอ
 

.
3. เมื่อก่อนบีก็ยังไม่เข้าใจอีกว่าทำไมป่าป้าชอบให้ลูกๆ หัดหยอดกระปุกและนำเงินไปฝากธนาคารและลงทุน ตั้งแต่เด็กๆ
.
4. เมื่อก่อนบีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป่าป้าชอบมารับบีสายๆ ที่โรงเรียน จนบางวันเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียนเลยหละคะ แล้วบีก็โกรธป่าป้าที่มารับบีกับน้องสาวสาย
.
5. ตั้งแต่เด็กๆ บีเห็นป่าป้า และหม่าม้าคอยหมุนเงินอยู่ตลอดเวลา และเครียดจนบางทีต้องไปกู้หนี้ ยืมสินมาใช้เจ้าหนี้ และบางครั้งเห็นเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่โรงพิมพ์เลยทีเดียว


จนตอนนี้...โตมาอายุ 30 กว่าปี บีถึงเข้าใจว่า...อ๋อๆๆๆ เราไม่ได้สบายเหมือนเด็กคนอื่นๆ ต้ังแต่เกิด ตอนนี้ป่าป้าไม่อยู่แล้วบีมารับช่วงต่อจากที่บ้าน
มันทำให้บีสามารถตอบคำถามได้หมด ทุกข้อดังนี้...
1. ป่าป้าเป็นคนชอบอัดรูป เพราะพอเรามานั่งย้อนดูกับครอบครัว...มันทำให้เรายิ้มได้ออกมาเองโดยไม่รู้ตัว และย้อนกลับไปในอดีต เราทำพวกนี้มาด้วยหรอเนี่ย พี่ๆน้องๆ ช่วยกันขยันขันแข็ง เร่งเก็บเล่ม ทำบิลส่งลูกค้า เพื่อให้สามารถเก็บเงินลูกค้าได้ทันเวลา แล้วเอาเงินมาหมุนในบริษัท เรามานั่งล้อมวง คุยกับพี่ๆ น้องๆ แล้วก็หัวเราะออกมากันด้วยสายตาที่ว่า... "พวกเราลำบากมาด้วยกันเนอะ" มองตาก็รู้ใจกันและกันเลยหละคะ
2.การที่ป่าป้าฝึกลูกๆ ทำให้มีความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กๆ เราไม่ได้รวยตั้งแต่เกิด เราเห็นพ่อแม่ลำบากมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเราไม่ทำ เราก็ไม่เคยทราบเลยว่า อ๋อๆๆๆ กว่าจะได้เงินมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยคะ
.
หม่าม้าคอยสอนพวกเราอยู่เสมอว่า อย่ารังเกียจเงินแม่กระทั่ง 1 บาท เพราะเงิน 1 บาทก็มีคุณค่ากับเรามากๆ
.
3. ป่าป้าเป็นคนที่ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย ไม่ใส่แหวน ไม่ใส่ทอง ไม่ใส่นาฬิกาแพงๆ เป็นคนประหยัดมากๆๆ ถึงมากที่สุด ขนาดไปไหนก็นั่งรถเมล์ ถึงแม้จะพอเริ่มมีเงินทองบ้าง แต่เค้าก็ยังทำแบบนี้อยู่สม่ำเสมอๆ คนอื่นนั่งรถ 10 นาทีถึง แต่ป่าป้าเดิน ไม่นั่ง เพราะบอกว่าประหยัดดี แล้วได้ออกกำลังกายไปในตัว
ป่าป้าตื่นเช้ามาตี 5.30 ก็ต้องนั่งโถส้วมให้ขับถ่ายตรงเวลา และไปตลาดเพื่อซื้อข้าวให้ลูกๆ ทาน
ป่าป้ารู้ว่าบีชอบกิน "ต้มยำปลาทู" ซึ่งตลาดจะมีทุกวันพุธที่ขายเมนูนี้ เชื่อมั้ยคะ? เค้าคอยไปตลาดทุกวันพุธ เพื่อซื้อ "ต้มยำปลาทู" ตัวละ 50 บาท ให้บีกินกับข้าว
จนบีอายุ 30 เค้าก็ยังทำแบบนี้ให้บีอยู่เลย ...จนกระทั่งป่าป้าไปสวรรค์



4. ป่าป้าคอยหมุนเงิน หมุนเช็ค ทำงาน เค้ายุ่งมากๆ และเค้าทำเต็มที่จริงๆ และพยายามมารับลูกให้เร็วที่สุด แต่เพราะไม่มีคนช่วย หรือไว้ใจให้มารับลูกแทนได้ เค้าจึงให้บีและน้องสาว อยู่โรงเรียนก่อน เพราะมีคนคอยเฝ้า และเค้าต้องเป็นคนมารับ-มาส่ง พวกเราเองเท่านั้น เพราะยังไง ลูกสาว ก็คือ ลูกสาว ไม่ว่าสวยหรือไม่สวย เค้าก็รัก เค้าก็หวงเป็นเรื่องธรรมดา 555

5. พอเรามารับช่วงต่อ เราต้องต่อยอด และทำให้ธุรกิจที่บ้านเติบโด พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพราะป่าป้ากับหม่าม้า สอนว่า ไม่ใช่แค่เราเท่านั้น แต่เราต้องมีความรับผิดชอบต่อพนักงานและทีมงานของเราทุกคน เพราะ...ถ้าเราไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนเค้า พวกเค้าก็ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัวของเค้าเหมือนกัน
.
ถ้าเราไม่กตัญญู รู้คุณต่อพนักงานที่มีบุญคุณกับเราๆ ก็ไม่มีวันนี้ เพราะพวกเขา...เราถึงมีวันนี้ เราห้ามทิ้งเขา

 

จากคำสอนและสิ่งที่ป่าป้า หม่าม้า คอยพรำ่สอน เราในฐานะลูก และเจ้าของกิจการ บีจะทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ บีจะคอยพัฒนางานพิมพ์ ต่อยอด และขยายกิจการ เพื่อทีมงานและลูกค้าของเราทุกคน....
ด้วยความรักจากคน คนนี้....
บี ชุนเจริญ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้